แชร์

วิธีการจัดการกับอาการ Jet Lagให้กลับมานอนหลับสนิทหลังเดินทาง

อัพเดทล่าสุด: 16 ก.ย. 2024
1333 ผู้เข้าชม

Jet Lag เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อเราต้องเดินทางข้ามเขตเวลา ส่งผลให้ระบบการนอนหลับของเราถูกรบกวน ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า นอนไม่หลับ หรือตื่นขึ้นมากลางดึก การปรับตัวหลังเดินทางจึงมีความสำคัญเพื่อให้เรากลับมานอนหลับสนิทได้อย่างรวดเร็ว ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำวิธีการจัดการกับอาการ Jet Lag เพื่อให้คุณกลับมาพักผ่อนได้อย่างเต็มที่หลังการเดินทาง

  1. ปรับเวลานอนล่วงหน้า
    หากคุณรู้ล่วงหน้าว่าต้องเดินทางข้ามเขตเวลา ลองปรับเวลานอนให้เข้ากับเขตเวลาของจุดหมายปลายทางล่วงหน้าสัก 2-3 วัน การปรับเวลานอนให้เร็วหรือช้ากว่าปกติ 1-2 ชั่วโมง จะช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ง่ายขึ้นเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง
  2. ใช้แสงแดดช่วยปรับสมดุลร่างกาย
    แสงแดดเป็นตัวช่วยสำคัญในการปรับนาฬิกาชีวิต (circadian rhythm) ของร่างกายให้เข้ากับเขตเวลาใหม่ เมื่อคุณเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง ให้พยายามออกไปเผชิญแสงแดดในช่วงกลางวัน ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายรับรู้ว่าเป็นเวลากลางวันและปรับตัวให้เข้ากับเวลานอนใหม่ได้ง่ายขึ้น
  3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
    การเดินทางโดยเครื่องบินทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำได้ง่าย ควรดื่มน้ำมากๆ ระหว่างการเดินทางเพื่อป้องกันอาการขาดน้ำ เพราะอาการขาดน้ำอาจทำให้อาการ Jet Lag แย่ลงได้ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะจะทำให้ร่างกายตื่นตัวมากขึ้นและนอนไม่หลับ
  4. พักผ่อนระหว่างการเดินทาง
    หากเป็นไปได้ ควรพักผ่อนหรือนอนหลับระหว่างการเดินทาง โดยเฉพาะเมื่อเดินทางเป็นเวลานาน การนอนในเครื่องบินหรือขณะเดินทางจะช่วยลดอาการเหนื่อยล้าและช่วยให้คุณปรับตัวกับเขตเวลาใหม่ได้ดีขึ้นเมื่อถึงจุดหมาย
  5. ใช้เมลาโทนินช่วยปรับเวลานอน
    เมลาโทนินเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทในการควบคุมการนอนหลับ การรับประทานอาหารเสริมหรือเมลาโทนินก่อนนอนในเขตเวลาใหม่ สามารถช่วยให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะการนอนหลับได้ง่ายขึ้น การใช้เมลาโทนินเป็นวิธีที่ปลอดภัยและได้ผลดีในการปรับเวลานอนหลังจากเดินทาง
  6. อย่านอนกลางวันนานเกินไป
    หลังจากเดินทาง คุณอาจรู้สึกเหนื่อยล้าและอยากงีบหลับในช่วงกลางวัน อย่างไรก็ตาม ควรจำกัดเวลางีบให้น้อยกว่า 30 นาที เพื่อป้องกันการนอนหลับที่ยาวเกินไปซึ่งอาจรบกวนการนอนหลับในตอนกลางคืน
  7. ปรับตัวเข้ากับเวลาท้องถิ่นทันที
    เมื่อคุณเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง พยายามปรับตัวเข้ากับเวลาท้องถิ่นให้เร็วที่สุด หากเป็นเวลากลางวัน ให้พยายามตื่นตัวและไม่งีบหลับ แต่ถ้าถึงเวลานอนก็ควรเตรียมตัวเข้านอน การปรับตัวตามเวลาท้องถิ่นจะช่วยให้ร่างกายกลับมาทำงานตามนาฬิกาชีวิตได้ดีขึ้น
  8. สร้างบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับการนอนหลับ
    หลังเดินทาง ให้จัดห้องนอนของคุณให้เงียบสงบ มืด และเย็นสบาย เพื่อช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและเข้าสู่การนอนหลับที่มีคุณภาพได้เร็วขึ้น การใช้ผ้าปิดตา หรือปิดไฟทั้งหมด จะช่วยให้ร่างกายรับรู้ว่าเป็นเวลากลางคืนและช่วยให้คุณนอนหลับสนิทได้

การจัดการกับอาการ Jet Lag หลังเดินทางเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการปรับเวลานอนล่วงหน้า รับแสงแดดเพียงพอ และใช้วิธีการพักผ่อนอย่างเหมาะสม การใช้เมลาโทนินช่วยปรับเวลานอนและการสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับการนอนจะช่วยให้คุณกลับมานอนหลับสนิทได้เร็วขึ้น การดูแลสุขภาพการนอนหลังจากการเดินทางจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้ร่างกายของคุณฟื้นฟูและพร้อมสำหรับวันใหม่ได้อย่างเต็มที่


บทความที่เกี่ยวข้อง
ฮวงจุ้ยห้องนอนปี 2025 เสริมโชคลาภและสุขภาพดีด้วยที่นอนที่เหมาะสม
เปิดรับพลังบวก เริ่มต้นปีใหม่ด้วยห้องนอนที่ถูกหลักฮวงจุ้ย ในปี 2025 การจัดฮวงจุ้ยห้องนอนให้เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยเสริมโชคลาภ ความรัก และสุขภาพ แต่ยังส่งเสริมการนอนหลับที่ดีขึ้น ซึ่งมีผลต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม หลายคนอาจมองข้ามว่าการเลือกที่นอนและการจัดห้องนอนมีผลโดยตรงต่อพลังงานที่ไหลเวียนในชีวิต วันนี้ Synda Thailand จะมาแนะนำหลักฮวงจุ้ยที่ช่วยให้คุณพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ พร้อมทั้งเสริมดวงรับปีใหม่!
19 ก.พ. 2025
นอนมากเกินไปทำให้ปวดหัวจริงหรือ?
ทำไมการนอนมากเกินไปถึงทำให้ปวดหัว?
7 ก.พ. 2025
มือชา เท้าชาตอนตื่นนอน: สัญญาณที่บอกว่าคุณควรเปลี่ยนที่นอน
อาการ มือชา เท้าชา ขณะตื่นนอนเป็นปัญหาที่หลายคนมองข้าม แต่แท้จริงแล้วอาจเป็นสัญญาณเตือนว่า ที่นอนของคุณไม่รองรับสรีระได้อย่างเหมาะสม ทำให้เกิดแรงกดทับต่อระบบไหลเวียนโลหิตและเส้นประสาท ส่งผลให้คุณรู้สึกไม่สบายตัวเมื่อตื่นนอน
6 ก.พ. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ