วิธีการจัดการกับอาการ Jet Lagให้กลับมานอนหลับสนิทหลังเดินทาง
อัพเดทล่าสุด: 16 ก.ย. 2024
945 ผู้เข้าชม
Jet Lag เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อเราต้องเดินทางข้ามเขตเวลา ส่งผลให้ระบบการนอนหลับของเราถูกรบกวน ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า นอนไม่หลับ หรือตื่นขึ้นมากลางดึก การปรับตัวหลังเดินทางจึงมีความสำคัญเพื่อให้เรากลับมานอนหลับสนิทได้อย่างรวดเร็ว ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำวิธีการจัดการกับอาการ Jet Lag เพื่อให้คุณกลับมาพักผ่อนได้อย่างเต็มที่หลังการเดินทาง
- ปรับเวลานอนล่วงหน้า
หากคุณรู้ล่วงหน้าว่าต้องเดินทางข้ามเขตเวลา ลองปรับเวลานอนให้เข้ากับเขตเวลาของจุดหมายปลายทางล่วงหน้าสัก 2-3 วัน การปรับเวลานอนให้เร็วหรือช้ากว่าปกติ 1-2 ชั่วโมง จะช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ง่ายขึ้นเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง - ใช้แสงแดดช่วยปรับสมดุลร่างกาย
แสงแดดเป็นตัวช่วยสำคัญในการปรับนาฬิกาชีวิต (circadian rhythm) ของร่างกายให้เข้ากับเขตเวลาใหม่ เมื่อคุณเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง ให้พยายามออกไปเผชิญแสงแดดในช่วงกลางวัน ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายรับรู้ว่าเป็นเวลากลางวันและปรับตัวให้เข้ากับเวลานอนใหม่ได้ง่ายขึ้น - ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การเดินทางโดยเครื่องบินทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำได้ง่าย ควรดื่มน้ำมากๆ ระหว่างการเดินทางเพื่อป้องกันอาการขาดน้ำ เพราะอาการขาดน้ำอาจทำให้อาการ Jet Lag แย่ลงได้ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะจะทำให้ร่างกายตื่นตัวมากขึ้นและนอนไม่หลับ - พักผ่อนระหว่างการเดินทาง
หากเป็นไปได้ ควรพักผ่อนหรือนอนหลับระหว่างการเดินทาง โดยเฉพาะเมื่อเดินทางเป็นเวลานาน การนอนในเครื่องบินหรือขณะเดินทางจะช่วยลดอาการเหนื่อยล้าและช่วยให้คุณปรับตัวกับเขตเวลาใหม่ได้ดีขึ้นเมื่อถึงจุดหมาย - ใช้เมลาโทนินช่วยปรับเวลานอน
เมลาโทนินเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทในการควบคุมการนอนหลับ การรับประทานอาหารเสริมหรือเมลาโทนินก่อนนอนในเขตเวลาใหม่ สามารถช่วยให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะการนอนหลับได้ง่ายขึ้น การใช้เมลาโทนินเป็นวิธีที่ปลอดภัยและได้ผลดีในการปรับเวลานอนหลังจากเดินทาง - อย่านอนกลางวันนานเกินไป
หลังจากเดินทาง คุณอาจรู้สึกเหนื่อยล้าและอยากงีบหลับในช่วงกลางวัน อย่างไรก็ตาม ควรจำกัดเวลางีบให้น้อยกว่า 30 นาที เพื่อป้องกันการนอนหลับที่ยาวเกินไปซึ่งอาจรบกวนการนอนหลับในตอนกลางคืน - ปรับตัวเข้ากับเวลาท้องถิ่นทันที
เมื่อคุณเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง พยายามปรับตัวเข้ากับเวลาท้องถิ่นให้เร็วที่สุด หากเป็นเวลากลางวัน ให้พยายามตื่นตัวและไม่งีบหลับ แต่ถ้าถึงเวลานอนก็ควรเตรียมตัวเข้านอน การปรับตัวตามเวลาท้องถิ่นจะช่วยให้ร่างกายกลับมาทำงานตามนาฬิกาชีวิตได้ดีขึ้น - สร้างบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับการนอนหลับ
หลังเดินทาง ให้จัดห้องนอนของคุณให้เงียบสงบ มืด และเย็นสบาย เพื่อช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและเข้าสู่การนอนหลับที่มีคุณภาพได้เร็วขึ้น การใช้ผ้าปิดตา หรือปิดไฟทั้งหมด จะช่วยให้ร่างกายรับรู้ว่าเป็นเวลากลางคืนและช่วยให้คุณนอนหลับสนิทได้
การจัดการกับอาการ Jet Lag หลังเดินทางเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการปรับเวลานอนล่วงหน้า รับแสงแดดเพียงพอ และใช้วิธีการพักผ่อนอย่างเหมาะสม การใช้เมลาโทนินช่วยปรับเวลานอนและการสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับการนอนจะช่วยให้คุณกลับมานอนหลับสนิทได้เร็วขึ้น การดูแลสุขภาพการนอนหลังจากการเดินทางจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้ร่างกายของคุณฟื้นฟูและพร้อมสำหรับวันใหม่ได้อย่างเต็มที่
บทความที่เกี่ยวข้อง
การนอนหลับที่มีคุณภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่นอนเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับ Sleep Cycle หรือวงจรการนอนหลับที่สมบูรณ์อีกด้วย หากคุณเคยตื่นนอนแล้วรู้สึกงัวเงียทั้งที่นอนครบ 8 ชั่วโมง นั่นอาจเกิดจากการตื่นขึ้นในช่วงเวลาที่ร่างกายยังอยู่ในระยะการนอนหลับลึก
17 ม.ค. 2025
การเลือกหมอนที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพและลดปัญหาอาการปวดเมื่อยต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการนอนผิดท่า หมอนที่ดีควรออกแบบมาเพื่อรองรับศีรษะ คอ และกระดูกสันหลังให้อยู่ในแนวที่เหมาะสม ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามลักษณะการนอนของแต่ละคน ซินด้าไทยแลนด์ ขอเสนอเทคนิคการเลือกหมอนที่เหมาะสมกับการนอนของคุณ
14 ม.ค. 2025
คริสต์มาสเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและความอบอุ่น การปรับแต่งห้องนอนให้เข้ากับเทศกาลนี้ไม่เพียงเพิ่มบรรยากาศที่ดี แต่ยังช่วยสร้างความประทับใจและเติมเต็มความสุขในบ้านได้อีกด้วย มาดูไอเดียแต่งห้องนอนรับคริสต์มาสที่ Synda แนะนำ
24 ธ.ค. 2024