วิธีการจัดการกับอาการ Jet Lagให้กลับมานอนหลับสนิทหลังเดินทาง
อัพเดทล่าสุด: 16 ก.ย. 2024
728 ผู้เข้าชม
Jet Lag เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อเราต้องเดินทางข้ามเขตเวลา ส่งผลให้ระบบการนอนหลับของเราถูกรบกวน ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า นอนไม่หลับ หรือตื่นขึ้นมากลางดึก การปรับตัวหลังเดินทางจึงมีความสำคัญเพื่อให้เรากลับมานอนหลับสนิทได้อย่างรวดเร็ว ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำวิธีการจัดการกับอาการ Jet Lag เพื่อให้คุณกลับมาพักผ่อนได้อย่างเต็มที่หลังการเดินทาง
- ปรับเวลานอนล่วงหน้า
หากคุณรู้ล่วงหน้าว่าต้องเดินทางข้ามเขตเวลา ลองปรับเวลานอนให้เข้ากับเขตเวลาของจุดหมายปลายทางล่วงหน้าสัก 2-3 วัน การปรับเวลานอนให้เร็วหรือช้ากว่าปกติ 1-2 ชั่วโมง จะช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ง่ายขึ้นเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง - ใช้แสงแดดช่วยปรับสมดุลร่างกาย
แสงแดดเป็นตัวช่วยสำคัญในการปรับนาฬิกาชีวิต (circadian rhythm) ของร่างกายให้เข้ากับเขตเวลาใหม่ เมื่อคุณเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง ให้พยายามออกไปเผชิญแสงแดดในช่วงกลางวัน ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายรับรู้ว่าเป็นเวลากลางวันและปรับตัวให้เข้ากับเวลานอนใหม่ได้ง่ายขึ้น - ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การเดินทางโดยเครื่องบินทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำได้ง่าย ควรดื่มน้ำมากๆ ระหว่างการเดินทางเพื่อป้องกันอาการขาดน้ำ เพราะอาการขาดน้ำอาจทำให้อาการ Jet Lag แย่ลงได้ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะจะทำให้ร่างกายตื่นตัวมากขึ้นและนอนไม่หลับ - พักผ่อนระหว่างการเดินทาง
หากเป็นไปได้ ควรพักผ่อนหรือนอนหลับระหว่างการเดินทาง โดยเฉพาะเมื่อเดินทางเป็นเวลานาน การนอนในเครื่องบินหรือขณะเดินทางจะช่วยลดอาการเหนื่อยล้าและช่วยให้คุณปรับตัวกับเขตเวลาใหม่ได้ดีขึ้นเมื่อถึงจุดหมาย - ใช้เมลาโทนินช่วยปรับเวลานอน
เมลาโทนินเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทในการควบคุมการนอนหลับ การรับประทานอาหารเสริมหรือเมลาโทนินก่อนนอนในเขตเวลาใหม่ สามารถช่วยให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะการนอนหลับได้ง่ายขึ้น การใช้เมลาโทนินเป็นวิธีที่ปลอดภัยและได้ผลดีในการปรับเวลานอนหลังจากเดินทาง - อย่านอนกลางวันนานเกินไป
หลังจากเดินทาง คุณอาจรู้สึกเหนื่อยล้าและอยากงีบหลับในช่วงกลางวัน อย่างไรก็ตาม ควรจำกัดเวลางีบให้น้อยกว่า 30 นาที เพื่อป้องกันการนอนหลับที่ยาวเกินไปซึ่งอาจรบกวนการนอนหลับในตอนกลางคืน - ปรับตัวเข้ากับเวลาท้องถิ่นทันที
เมื่อคุณเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง พยายามปรับตัวเข้ากับเวลาท้องถิ่นให้เร็วที่สุด หากเป็นเวลากลางวัน ให้พยายามตื่นตัวและไม่งีบหลับ แต่ถ้าถึงเวลานอนก็ควรเตรียมตัวเข้านอน การปรับตัวตามเวลาท้องถิ่นจะช่วยให้ร่างกายกลับมาทำงานตามนาฬิกาชีวิตได้ดีขึ้น - สร้างบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับการนอนหลับ
หลังเดินทาง ให้จัดห้องนอนของคุณให้เงียบสงบ มืด และเย็นสบาย เพื่อช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและเข้าสู่การนอนหลับที่มีคุณภาพได้เร็วขึ้น การใช้ผ้าปิดตา หรือปิดไฟทั้งหมด จะช่วยให้ร่างกายรับรู้ว่าเป็นเวลากลางคืนและช่วยให้คุณนอนหลับสนิทได้
การจัดการกับอาการ Jet Lag หลังเดินทางเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการปรับเวลานอนล่วงหน้า รับแสงแดดเพียงพอ และใช้วิธีการพักผ่อนอย่างเหมาะสม การใช้เมลาโทนินช่วยปรับเวลานอนและการสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับการนอนจะช่วยให้คุณกลับมานอนหลับสนิทได้เร็วขึ้น การดูแลสุขภาพการนอนหลังจากการเดินทางจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้ร่างกายของคุณฟื้นฟูและพร้อมสำหรับวันใหม่ได้อย่างเต็มที่
บทความที่เกี่ยวข้อง
การเลือกที่นอนที่เหมาะสม เป็นเรื่องสำคัญสำหรับการนอนหลับพักผ่อนในไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบของคนเมือง และนี่คือเคล็ดลับจาก Synda Thailand ที่จะช่วยให้การเลือกที่นอนของคุณง่ายขึ้น พร้อมรับมือกับวันใหม่อย่างเต็มที่!
19 ธ.ค. 2024
นอนไม่หลับ? แก้ไขด้วยวิธีธรรมชาติที่ช่วยให้คุณหลับสนิทโดยไม่พึ่งยา
ในยุคที่ความเครียดและปัญหาสุขภาพจิตกลายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก อาการนอนไม่หลับเป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญ การพึ่งยานอนหลับอาจช่วยในระยะสั้นและอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดเสมอไป แต่การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต รวมไปถึงการใช้วิธีธรรมชาติอาจเป็นทางออกที่ยั่งยืนกว่า
12 ธ.ค. 2024
การนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการฟื้นฟูร่างกายและสมอง หากเรานอนหลับไม่เพียงพอหรือมีปัญหาในการนอนหลับ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพหลายประการ ซึ่งส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจ บทความนี้จะอธิบายว่าการนอนหลับที่ไม่ดีส่งผลเสียอย่างไรบ้างต่อสุขภาพของเรา
15 ต.ค. 2024